วันเสาร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2559

สัมภาษณ์แปลไทยของ Emma Watson บนนิตยสาร ELLE (พฤษภาคม 2557)


T   H   E       R   E   A   P   P   E   A   R   I   N   G       A   C   T




ละครองค์ใหม่ เอ็มม่า วัตสัน รอดพ้นจากความสับสนอลหม่านของชีวิตนักแสดงรุ่นเยาว์มาได้ และแทนที่จะรีบฉวยโอกาสนี้ก้าวขึ้นแท่นเป็นนักแสดงต่อทันที เธอกลับหลบไป 2-3 ปีเพื่อพัฒนาตัวเอง (ในที่ที่เหมาะสมกับเธอ ซึ่งคงไม่ด้อยไปกว่าที่มหาวิทยาลัยชั้นนำอย่าง Brown) ตอนนี้เอ็มม่ากลับมาอีกครั้งในแบบที่เก่งกว่าเดิม แกร่งกว่าเดิม และพร้อมที่จะพิสูจน์ตัวเองได้สักที

          ดึกแล้วและลอนดอนก็เปรี้ยวในทุกอณู ทุกแห่งดูเก๋ไก๋ยกเว้นบาร์เม็กซิกันที่เอ็มม่าเลือกเป็นร้านสำหรับมื้อเย็น สถานที่นี้เต็มไปด้วยกลิ่นอายของบรรยากาศในช่วงเลิกงาน มีแสงสีฉูดฉาดลอดออกมาจากหน้าต่างของร้านซึ่งฉาบด้วยหิมะบางๆ และมีคนยืนเบียดเสียดอัดแน่นอยู่หน้าเคาน์เตอร์ บาร์แห่งนี้ไม่ใช่สถานที่ที่เราคาดคิดว่าจะพบดารานำจากเรื่อง แฮร์รี่ พอตเตอร์ แต่กระนั้นเราก็มานั่งอยู่ตรงนี้แล้วแบ่งฟาฮิต้าไก่กันและดื่มโมฮิโต้ที่รสชาติก็ไม่ได้ดีเด่อะไรนัก เอ็มม่าชี้ไปยังด้านหลังของบาร์และพูดขึ้นมาอย่างภูมิใจว่า หากคุณมองขึ้นไปบนบอร์ดก็จะเห็นชื่อของฉันอยู่ในนั้น ในกลุ่มของเตกีล่าซอต เมื่อถามว่าทำไมเธอถึงนัดพบเราในร้านที่ไม่ได้โก๋เก๋อะไรเช่นนี้ เธอยิ้มก่อนจะตอบว่า ฉันอยากให้คุณเห็นถึง 2 ขั้วที่แตกต่างในชีวิตของฉันน่ะสิ” 

          ในวัย 23 ปีเอ็มม่าเป็นดาราฮอลลีวู้ดรุ่นใหม่ที่เราคาดกันว่า น่าจะมีรายได้ถึง 40 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อปี เธอขึ้นแท่นเป็นแฟชั่นไอดอลสร้างกระแสด้วยการสวมชุดโชว์แผ่นหลังสีแดงของ Dior Haute Couture คู่กับกางเกงในงานลูกโลกทองคำ และยังเป็นนักศึกษาที่มีชื่อเสียงที่สุดในอเมริกา ซึ่งในขณะที่อยู่ชั้นปีที่ 2 เธอเล่าในรายการ Late Show with David Letterman ว่าเธอทำเรื่องเปิ่นด้วยการพลาดยืม ถุงยางอนามัย’ (Rubber ในประเทศอังกฤษหมายถึงยางลบ) ในชั้นเรียน ตอนที่เราเจอกันเธอเพิ่งเสร็จสิ้นจากรายวิชาสุดหินอย่าง วิชาทฤษฏีวรรณกรรมวิจารณ์ ฉันก็อยากจะเป็นคนแบบที่พูดได้ว่า ฉันรักวิชาทฤษฏีสุนทรียศาสตร์ของคานท์จังเหมือนกัน เธอพูดพลางปัดปอยผมที่ปรกหน้าไปทัดหู แต่หากพูดอย่างนั้น ฉันก็คงโกหกและฟังดูดัดจริตมาก เธอสนใจชีรี่ย์อย่าง House of Cards และ Friday Night Lights มากกว่า รวมไปถึงให้ความสนใจเกี่ยวกับแพตตี้ สมิท ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าในที่สุดจะกลายมาเป็นเพื่อนออนไลน์กับเธอ ถือเป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็น 2 ขั้วที่แตกต่างของเอ็มม่าอีกอย่างหนึ่ง

          หลังจากเรียนจบปริญญาตรีด้านภาษาอังกฤษในเดือนมิถุนายนนี้ เอ็มม่าก็จะพบกับปัญหาข้อใหญ่ที่นักศึกษาจบใหม่ทุกคนต้องเจอ นั่นก็คือ แล้วจะทำอะไรต่อจากนี้?” เธอเพิ่งพูดถึงเรื่องนี้เมื่อไม่นานในทวิตเตอร์ว่า เออ คือบอกฉันหน่อยว่าอีก 10 ปีจากนี้ไปชีวิตของฉันจะเป็นยังไง โอเคมั้ย และเสริมต่ออีกว่า แล้วก็ทำให้ดูง่ายๆ โดยจัดลงในตารางแบบแบ่งสีมาให้เรียบร้อยเลยนะ นี่ฉันไม่ได้ขอมากไปใช่ไหม

          สำหรับเอ็มม่าแล้วจุดที่ยืนอยู่นี้อาจทำให้ก้าวต่อไปของเธอดูน่าสับสนกว่าของคนอื่นหลายเท่านัก นี่คือเด็กสาวที่เติบโตมาในอีกโลกหนึ่ง โดยตั้งแต่อายุ 9-21 ปีเธอรับบทบาทเป็นเด็กหญิงมักเกิ้ลผู้รอบรู้อย่าง เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ มาตลอด 8 ภาคของภาพยนตร์เรื่อง แฮร์รี่ พอตเตอร์ มีนักแสดงสาวหลายคนที่เพิ่งโผล่ออกมาแค่ปีหรือปี 2 ปีสุดท้าย และพวกเธอก็ได้โผล่ออกมาแบบเป็นผู้เป็นคนจริงๆ เธอพูดพร้อมยิ้มกว้าง และฉันก็อิจฉาพวกเธอมาก! เพราะว่าทุกคนได้เห็นฉันในทรงผมแย่ๆ ฟันแย่ๆ ทุกชุดแย่ๆ ที่ฉันใส่และได้ยินอะไรโง่ๆ ที่ฉันเคยพูดมาหมดแล้ว อย่างเช่นมีอยู่ชุดหนึ่งที่ฉันสวมไปชมภาคสุดท้ายของ แฮร์รี่ พอตเตอร์ รอบพรีเมียร์ ฉันดูอย่างกับพยายามจะแต่งตัวเป็นนางฟ้าชูการ์พลัม ฉันดูเหมือนขนมเมอแรงก์เลย!”

          ตั้งแต่ภาพยนตร์หลายภาคอย่าง แฮร์รี่ พอตเตอร์ จบลงในปี ค.ศ. 2011 (หลังจากกวาดรายได้จากการขายบัตรชมภาพยนตร์ทั่วโลกเกือบ 8 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ) เราก็ได้เห็นเอ็มม่าค่อยๆ เปลี่ยนจากเด็กหญิงหน้าตาน่ารักมาเป็นหญิงสาวแสนงดงามที่ถอดแบบมาจาก นาตาลี พอร์ตแมน โดยมีช่วงเวลาที่เธอพลาดกลายเป็นขนมเมอแรงก์ให้เห็นน้อยมากจริงๆ แต่ส่วนมากเราก็ได้แต่มองเธอจากระยะไกลเท่านั้น มาตอนนี้เธอต้องกลับมายืนอยู่ในโลกแห่งความจริงนอกรั้วมหาวิทยาลัย เอ็มม่าจะต้องพบกับข้อกังขาเช่นเดียวกับนักแสดงรุ่นพี่ของเธอต้องเจอ ที่ถึงแม้จะไม่มีใครพูดออกมาแต่ทุกคนรู้อยู่แก่ใจ หรือว่าจุดสูงสุดในอาชีพของเธอผ่านไปแล้ว?เอ็มม่าตระหนักถึงข้อกังขานี้ดี มีอะไรให้ฉันทำและพิสูจน์ตัวเองอีกเยอะ เธอพูดเรียบๆ

          คนสำคัญคนอื่นๆ ใน แฮร์รี่ พอตเตอร์ ต่างรับมือกับการจบลงของภาพยนตร์ได้อย่างน่าสนใจ เจ.เค. โรว์ลิ่ง ผู้ประพันธ์ปล่อยนวนิยายเล่มใหม่ของเธออย่าง The Cuckoo’s Calling ออกสู่ตลาดภายใต้นามแฝง โดยอาจจะมีจุดประสงค์เพื่อหลักเลี่ยงความสนใจจากสื่อ (หนังสือได้รับการตอบรับที่ดีจากนักวิจารณ์ แต่เพิ่งมาติดอันดับขายดีหลังจากที่เธอ้ปิดเผยตัวแล้ว) ส่วน แดเนียล แรดคลิฟฟ์ อดีตพอมดเด็กก็ได้พิสูจน์ตัวเองว่าตัวเองโตเป็นหนุ่มด้วยการถอดกางเกงโชว์ความเป็นหนุ่มของตัวเองในละครรอบบรอดเวย์ Equus ในปี ค.ศ. 2008


          เอ็มม่าระมัดระวังตัวในการตอบรับมือกับชีวิตของเธอหลังการจบของ แฮร์รี่ พอตเตอร์ มากกว่านั้น มีคนเสนอบทให้ฉันเหมือนกันแต่ฉันคิดว่าตัวละครไม่ค่อยซับซ้อนเท่าไรเธอพูด เป็นผู้หญิงที่ขาดมิติ เป็นบทบาที่ฉันต้องแสดงเป็นคนแบบใดแบบหนึ่ง ผู้หญิงจริงๆ จะไม่เป็นอย่างนั้น” ดังนั้นแทนที่เธอจะยอมเล่นบทพื้นๆ เอ็มม่ากลับซ่อนตัวอยู่ที่เมืองพรอวิเดนซ์ ในรัฐโรดไอซ์แลนด์ และออกมาปรากฏตัวก็ต่อเมื่อมีการแสดงของตัวเอง ในภาพยนตร์ของ โซเฟีย คอปโปล่า เรื่อง The Bling Ring เอ็มม่าสวมบทร้ายปนน่าเวทนา เป็นเด็กใจแตกที่ย่องขึ้นไปปล้นบ้าน ปารีส ฮิลตัน ครั้งแล้วครั้งเล่า การรับบทเป็นวัตถุทางเพศครั้งแรกนั้นทำให้บทบาทนี้ยิ่งน่าสนใจขึ้นไปอีก ในเวลาปกติฉันจะไม่ค่อยทำตัวเซ็กซี่น่าดึงดูดเท่าไรเธอพูด บางครั้งฉันจึงต้องลำบากหน่อยในการทำให้ผู้กำกับเชื่อว่าฉันสามารถสวมบทบาทเป็นตัวละครที่อายุมากกว่าได้ ด้วยการเหวี่ยงตัวรอบเสาแบบนักเต้นรำแสนเซ็กซี่ และยักย้ายไปมาในชุดของ Herve Leger น่ะหรือ นั่นน่าจะเป็นวิธีช่วยได้ดีมากเลยทีเดียว

          และบทรับเชิญของภาพยนตร์ล้อเลียนวันสิ้นโลกอย่าง This Is the End เมื่อปีที่แล้ว เอ็มม่าได้ตีภาพลักษณ์เด็กสาวใสซื่อของตัวเองรวมทั้งกระแทกหน้า เซธ โรเกน ด้วยด้ามขวานเสียกระจุย เมื่อ แดนนี่ แม็กไบร์ด ปล่อยมุกหน้าตายออกมาว่า เฮอร์ไมโอนี่เพิ่งกวาดเหล้าพวกเราไปซะเกรี้ยงเลย เอ็มม่าหัวเราะทีหลังดังกว่า  แฮร์รี่ พอตเตอร์ กลายเป็นปรากการณ์ทางวัฒนธรรมที่ไม่มีทางเลือนหายไป แม้กระทั้งวันที่เราเจอกันมีข่าวออกมาว่าโรว์ลิ่งกำลังร่วมสร้างละครเวทีฝั่งเวสต์เอนด์ เรื่องปฐมบทของแฮร์รี่ พอตเตอร์ เอ็มม่าซึ่งเพิ่งเคยได้ยินเรื่องนี้เป็นครั้งแรกจากเราก็ทำท่าสงสัย และกูเกิ้ลหาในโทรศัพท์มือถือของตัวเอง จริงๆ ด้วย เธอพูดพร้อมเสริมต่อด้วยความโล่งใจ โชคดีที่ไม่มีใครขอให้ฉันแสดงเป็นตัวเองตอนเด็กได้

          อาหารเม็กชิกันราคาถูกในค่ำคืนนี้ฟังดูเข้าทีในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของการผสมผสาน 2 ขั้ว ระหว่างธุรกิจการแสดงและโลกแห่งความเป็นจริงของเอ็มม่า เรื่อยไปจนถึงการแต่งกายของเธอ รองเท้าส้นสูงของ Lanvin และถุงเท้ายาวถึงเข่าจากห้าง Barrey’s ถูกนำมาเข้าคู่กับกระโปรงวินเทจลายดอกไม้ที่เธอได้มาจากตลาดนัดแห่งหนึ่งในลอสแอนเจริส

          สิ่งที่เอ็มม่าต้องการจะสื่อออกมานั้นชัดเจนว่าตัวเองเป็นนักศึกษาที่เคร่งเครียด ซึ่งคุยเรื่องการสอบปลายภาคในขณะที่กระดกเหล้าเตกีล่าไปด้วย แต่การปลอมตัวของเธอกลับล้มเหลวไม่เป็นท่า เมื่อเด็กชายวัย 12 ขวบ จูงมือน้องสาวมาที่โต๊ะของเธอเพื่อขอลายเซ็น เอ็มม่ามีข้อความมาตรฐานสำหรับอะไรแบบนี้หรือไม่ ฉันเคยเขียนว่า ศรัทธาในพลังเวทมนต์ (Believe in Magic)“ เธอพูดด้วยอาการเขินเล็กน้อย แต่ตอนนี้ฉันเขียนว่า รัก จากเอ็มม่า (Love from Emma)” เมื่อเด็กๆ เดินกลับโต๊ะไปด้วยอาการดีอกดีใจ เด็กผู้ชายก็ได้ทิ้งปากกาสีทองที่ดูมีราคาของแม่เอาไว้บนโต๊ะเรา เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยๆเอ็มม่าพูดพร้อมยักไหล่ ฉันมีปากกาเก็บไว้เป็นคอลเล็กชั่นเลย

          สีหน้าของเอ็มม่าบอกเราในสิ่งที่เธอไม่สามารถพูดต่อหน้านักข่าวได้: ชีวิตของฉันมันประหลาดสิ้นดี ชีวิตของเธอเดินทางมาไกลเหลือเกินจากเมืองแห่งวิชาการอย่างออกซ์ฟอร์ด เมืองที่เอ็มม่ากำลังเรียนอยู่ในชั้นประถมตอนที่ทีมงานเดินทางมาค้นพบนักแสดงนำ 3 คนในเรื่อง แฮร์รี่ พอตเตอร์ ขณะที่พ่อแม่ของแดเนียล แรดคลิฟฟ์และรูเพิร์ต กรินต์ลาออกจากงานเพื่อมาจัดการดูแลอาชีพใหม่ของลูกๆ แต่พ่อแม่ของเอ็มม่าเป็นทนาย 2 สามีภรรยาทีหย่าขาดจากกันเมื่อเอ็มม่าอายุได้ 5 ขวบ และมีลูกด้วยกันมา 6 คน เพียงแต่ดูให้แน่ใจว่าเอ็มม่ามีคนดูแล แต่ไม่ได้ทิ้งอาชีพการงานของตัวเองเพื่ออาชีพของลูกสาว

          การต้องรีบเติบโตเป็นผู้ใหญ่อย่างรวดเร็วเช่นนี้มีผลต่อตัวตนของเอ็มม่า เธอถูกเสื่อมองว่าเป็นตุ๊กตาพอร์ซเลน เป็นอดีตนักแสดงจากเรื่อง แฮร์รี่ พอตเตอร์ ที่มีนิสัยจริงเหมือนตัวละครที่ตัวเองเล่นมากที่สุด ซึ่งก็คือ เฮอร์ไมโอนี่ สาวน้อยที่มักจะยกมืออาสาตอบคำถามคนแรกในห้อง (เมื่อตอนที่เฮอร์ริเคนแซนดี้พัดถล่มเมืองนิวยอร์ก ทำให้ต้องหยุดถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง Noah ซึ่งใกล้จะเข้าฉาย เอ็มม่าได้ใช้เวลาว่างเป็นจิตอาสาในโครงการ Citymeals-on-Wheels ตามอย่างนิสัยของเฮอร์ไมโอนี่เป๊ะ) อย่างไรก็ตามเอ็มม่ายังยืนยันว่า เธอเป็นขบถเล็กๆ ในแบบของเธอเอง การทะเลาะกันครั้งใหญ่ที่สุดกับ เดวิด เฮย์แมน ผู้สร้างภาพยนตร์ แฮร์รี่ พอตเตอร์ ไม่ใช่เกี่ยวกับการดูแลตัวเอง เพราะเอ็มม่าอยากขับรถไปทำงานเองใจจะขาด (คราวนั้นก็เถียงแพ้ด้วยเหตุผลเกี่ยวกับการประกัน แต่ก็ยังอุตส่าห์เกลี้ยกล่อมให้ ไนเจล คนขับสอนเธอขับรถได้ในที่สุด)

          ฉันจำได้ว่าเคยอ่านที่อลิซาเบธ เทย์ลอร์เขียนเอาไว้ เธอเล่า จูบครั้งแรกของเธอเกิดขึ้นขณะที่เธอกำลังรับบทเป็นตัวละครตอนที่อยู่ในฉาก ฉันอ่านแล้วถึงกับสะอึก ฉันไม่รู้ว่ามึนเกิดขึ้นอย่างไรหรือทำไม แต่ฉันรู้สึกได้ว่าถ้าไม่ระวังเหตุการณ์แบบนั้นอาจเกิดขึ้นกับฉันได้ จูบแรกของฉันอาจเกิดขึ้นตอนที่ฉันกำลังเป็นคนอื่น และประสบการณ์ของฉันก็จะกลายเป็นของคนอื่นไป ดังนั้นขณะที่มีข่าวว่าแดเนียลจะไม่ออกจากบ้านหากไม่มีบอดี้การ์ด เอ็มม่ากลับสร้างความฮือฮาด้วยชีวิตนักศึกษาโดยการย้ายเข้าไปอยู่หอพักนักศึกษาชั้นปีที่ 1 ซึ่งถือเป็นคำนิยามของการเปิดเผยตัวสู่โลกภายนอก เธอหั่นผมยาวทิ้งและเข้าร่วมแสดงละครของมหาวิทยาลัยจากบทประพันธ์ของเซคอฟ เอ็มม่าเล่าว่ามีบางเวลาที่เธอคิดขึ้นมาว่า ฉันไม่รู้ว่าฉันทำสิ่งนี้ได้หรือเปล่าหรือสิ่งนี้มันยังฟังดูเข้าท่าอยู่ไหม แต่เธอก็ยังมั่นคงในจุดยืนและปฏิเสธงานใหญ่ๆ ที่อาจจะมาเบียดบังเวลาเรียนของเธอ ฉันไม่อยากใช้ชีวิตที่ฉันไม่สามารถใช้ได้ เธอพูด ฉันเลยค่อนข้างจะดื้อและหัวรั้นมากในเรื่องนั้น

          มีอยู่ช่วงหนึ่งที่เอ็มม่าไม่แน่ใจว่าเธอยังอยากเป็นนักแสดงต่อไปอีกหรือเปล่า แต่บทภาพยนตร์เรื่อง The Perks of Being a Wallflower ในปี ค.ศ. 2012 ก็ช่วยกระซากเธอกลับมาโดยที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัว ภาพยนตร์ที่สร้างขึ้นจากหนังสือในชื่อเดียวกันได้รับการดัดแปลงและกำกับโดยผู้ประพันธ์อย่าง สตีเฟ่น ชบอสกี เรื่องนี้สะท้อนช่วงเวลาอันอ่อนไหวในการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ของนักเรียนไฮสคูลที่แปลกแยกคนหนึ่ง โดยเอ็มม่าสามารถรับบทเป็นรุ่นพี่คนดังที่ค่อยให้ความสนใจแก่เด็กชายผู้ไม่มีใครเข้าใจได้อย่างลงตัว เมื่อถามว่าทำไมเธอถึงอ้างอิงคำพูดในเรื่องว่า “We accept the love we think we deserve” (เรายอมรับความรักที่เราคิดว่าตัวเองคู่ควร) และสารภาพออกมาว่า ฉันไม่ได้เดตกับผู้ชายดีๆ ตลอดเวลาหรอก ฉันเดาว่าฉันเลยอินกับภาพยนตร์เรื่องนี้ และประโยคนี้มันเป็นแบบว่า โอเค ฉันจะรับผิชอบสิ่งที่ฉันเลือกเอง” (มีสุดหล่อคนหนึ่งชื่อ ฟรานซิส บูล ดาราจากเรียลิตี้โชว์ของอังกฤษที่เอ็มม่าเคยเดตด้วย ได้เปิดเผยกับนิตยสารแท็บลอยด์ภายหลังว่า พวกเขาเลิกกันเพราะเขาไม่อยากเป็นแฟนกับพวกดาราเด็กๆ)

          เอ็มม่าเล่าว่าประสบการณ์ในกองถ่ายภาพยนตร์เรื่อง The Perks of Being a Wallflower ของเธอนั้นดูเหมือนชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยมากกว่าในมหาวิทยาลัยจริงๆ เสียอีก วีรกรรมของเธอได้แก่การเดตกับนักแสดงร่วมอย่าง จอห์นนี่ ชิมมอนส์ และการบุกเข้าไปในสระว่ายน้ำตอนตี 3 “มันเป็นโรงแรม เธอเล่าสนุก มีมีรั้วกั้นรอบๆ พอเพื่อนฉันรู้ตัวอีกที ฉันก็หายไปแล้ว แล้วพวกเขาก็เจอฉันกำลังปืนรั้วสูง 7 ฟุตอยู่ เมือนึกถึงนิสัยของเธอแล้วนั่นฟังดูไม่น่าแปลกใจเท่าไร

          "เธออินกับประสบการณ์เป็นเด็กนอกเมืองมาก เธอไม่รู้ว่า Olive Garden คืออะไร เราไม่ได้อยู่โฟร์ซีซั่นกัน หากเธอเป็นคนประเภทที่ว่า 'ฉันต้องพักอยู่โรงแรมหรูๆ' นั่นคงจะทำให้บรรยากาศเป็นอีกแบบ แต่เพราะเธอเป็นคนที่ประสบความสำเร็จขนาดนั้น มันเลยเป็นการส่งสารออกไปว่าหนังเรื่องนี้เป็นเรื่องของศิลปะและการจริงใจต่อกัน และทุกคนก็เป็นอย่างนั้นเหมือนกันหมด"

          เอ็มม่าไม่ได้ก้าวลงมาจากสถานะนักศึกษาไอวี่ ลีค แต่เธอกำลังก้าวกระโดกลับมาในโลกแห่งความจริงด้วยบทบาทการแสดงที่ท้าทายที่สุดในตอนนี้ เธอรับบทเป็น อีลา ลูกเลี้ยงของโนอาห์ในมหากาพย์จากคัมภีร์ไบเบิ้ลเรื่อง Noah ฝีมือการแสดงของดาร์เรน อโรนอฟสกี ผู้เคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์จากเรื่อง Black Swan หากคุณคาดว่าจะได้เห็น Life of Pi ในเวอร์ชั่นบนเรืออาร์ก โดยมีเอ็มม่าต่อสู้กับบรรดาสิงสาราสัตว์ที่สร้างจากเทคนิคคอมพิวเตอร์ เราขอให้คุณคิดใหม่ เพราะนักแสดงร่วมของเธอไม่ว่าจะเป็น แอนโทนี ฮอปกินส์, รัสเซล โครว์ และ เจนนิเฟอร์ คอนเนลลี คือสิ่งที่น่ากลัวที่สุดในฉากที่เธอต้องรับมือให้ได้ เอ็มม่าบรรยายถึงภาพยนตร์ลงทุนสร้าง 125 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เรื่องนี้ราวกับเป็นกรณีศึกษาของจิตวิทยาของตัวละคร มันฟังดูเป็นแนวเซ็กสเปียร์มากเลย เธอพูด จะเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวนี้เมื่อพวกเขาถูกจับมาอยู่รวมกันในบริเวณที่จำกัดเป็นเวลา 40 วัน 40 คืน แล้วก็เป็นวันสิ้นโลกด้วย มนุษย์ที่มีนิสัยแตกต่างกันเหล่านี้จะรับมือกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างไร มนุษย์บริสุทธิ์ไหม? มนุษย์เต็มไปด้วยบาปไหม? แก่นเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่มาก

          เนื้อเรื่องของภาพยนตร์บอกเล่าถึงเรื่องราวที่กินเวลายาวนานหลายปี การคัดเลือกนัแสดงที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งที่ท้าทาย เราต้องการหญิงแกร่งที่ดูสุขุมเยือกเย็นอโรนอฟสกีเล่า ในขณะที่ยังมีความใสซื่อแบบเด็กสาว และแน่นอนเธอต้องเป็นคนที่สวยมากอีกด้วย เขาย้อนกลับไปนึกถึงจิตใจที่เข็มแข็งของเอ็มม่าในวันที่เธอต้องปะทะบทบาทกับรัสเซล โครว์ และสภวาพอากาศที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา เราเริ่มเปิดกล้องด้วยฉากที่หินที่สุดของเอ็มม่าฉากหนึ่ง อโรนอฟสกีพูด เราถ่ายทำกันในไอซ์แลนด์บนชายหาดท่ามกลางสภาพอากาศที่เลวร้ายมากๆ ลมแรงจนแทบจะไม่ได้ยินเสียงของนักแสดงเลย ดวงอาทิตย์ก็โผล่บ้างไม่โผล่บ้าง เราต้องรอจนกว่าจะได้แสงแบบที่ต้องการ แล้วจึงค่อย อ้าวเร็วๆๆ แล้วอีกเดี๋ยวก็ อ้าวหยุดๆๆ เอ็มม่าสามารถตัดรบกวนจากสิ่งเลวร้ายภายนอกได้” (เอ็มม่าพูดพร้อมกับหัวเราะ ฉันสงสัยมาตลอดว่าอโรนอฟสกีสร้างสถานการณ์แบบนั้นขึ้นเองเพื่อทดสอบฉันหรือเปล่า”)

          ในรอบปฐมทัศน์มีข่าวว่าภาพยนตร์เรื่อง Noah สร้างความไม่พอใจให้กับผู้ที่เคร่งศาสนาด้วยลักษณะเทวดาที่ดูแปลกไปจากที่เราเคยรู้จัก และการพยายามบอกเป็นนัยว่าโนอาห์อาจจะเป็นนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมคนแรกของโลก แต่สำหรับเอ็มม่าแล้วความคิดเห็นทีเธอมีต่อภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ได้เป็นเรื่องการเมืองแต่เป็นเรื่องส่วนตัวทั้งสิ้น หากฉันจะต้องพูดตัดบทจริงๆเธอพูด ฉันคงต้องบอกว่ามันเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกที่ฉันเล่นเป็นหญิงสาวเต็มตัวมีอยู่ฉากหนึ่งตัวละครของเอ็มม่าจ้องเขม็งไปยังอเวจีที่กำลังคืบคลานเข้ามาใกล้ เด็กสาวกลัวว่าเธอจะไม่มีโอกาสได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ น้ำเสียงอันทรงพลังที่เปล่งออกมาของเธอนั้นแฝงไปด้วยความตื่นตระหนกอย่างเป็นธรรมชาติ ในขณะที่เธอถามโนอาห์ว่า นี่คือจุดจบของทุกสิ่งทุกอย่างใช่ไหม? ในวันคัดเลือกนักแสดงเธอเล่าว่า ฉันคิดว่าอโรนอฟสกีคงเห็นว่าฉันน่าจะมีอะไรมากๆ มานำเสนอ

          เรากำลังจะกินอาหารเย็นเสร็จพอดี ตอนที่แก้วจากโต๊ะข้างๆ ตกแตกกระจายลงพื้น สับสนอลหม่านเอ็มม่าพูดพร้อมกับหันเหความสนใจออกจากบทสนทนาเกี่ยวกับอนาคตของเธอได้อย่างชาญฉลาด เธอยังไม่ค่อยพร้อมที่จะพูดถึงเรื่องนี้แม้ว่าคำถามกดดันมาจากทุกทิศทาง และไม่ได้มาจากสื่อเท่านั้น ผู้คนจะชอบถามประมาณว่า คุณอาศัยอยู่ที่ไหน’ ‘คุณทำอะไรอยู่ฉันไม่รู้ ฉันยังเด็กเกินกว่าที่จะตัดสินใจตอนนี้ว่าฉันอยากอยู่ที่นี่ หรือที่อเมริกา หรือที่นิวยอร์ก หรือที่แอล.เอ. หรือที่อื่นในโลก และฉันก็พยายามจะตอบคำถามเหล่านี้มาตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ฉันน่าจะรู้แล้ว ฉันน่าจะตัดสินใจ น่าจะเลือกได้แล้ว!”

          ไม่นานนักหลังจากที่เราพบกันก็มีข่าวว่าเอ็มม่าและ วิล อดาโมวิคซ์ แฟนหนุ่มในมหาวิทยาลัยของเธอได้แยกทางกันแล้ว หลายวันต่อมามีข่าวลือว่าเธอกำลังเดตอยู่กับหนุ่เครางามจอมเฮี้ยววัย 21 ปีอย่าง แมตต์ แจนนีย์ ซึ่งเป็นนักรักบี้ของมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด มีคนถ่ายภาพทั้งคู่กำลังกอดกันอยู่ที่ชายหาดแคริบเบียน ซึ่งระหว่างที่เรากินขนมหวานกันอยู่ในลอนดอน เอ็มม่ายังไม่ชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องความสัมพันธ์ของเธอ

          สำหรับคนที่ให้คำนิยามว่าเธอเป็นพวกชอบจัดระบบชีวิตให้ตัวเองแล้ว เอ็มม่าถือว่ามีช่องว่างในตารางปฎิทินเหลืออยู่มากนักในตอนนี้ เดือนนี้เธอต้องถ่ายภาพยนตร์กับ อเลฆานโดร อเมนาบาร์ (ผู้กำกับชาวสเปนที่อยู่เบื้องหลังภาพยนตร์สุดสยองเรื่อง The Others ซึ่งแสดงโดย นิโคล คิดเมน) และกำลังจะมีโปรเจ็คกับบรรดาผู้กำกับอย่าง สตีเฟ่น ชบอสกี, เกียลเลอโม เดล ทอโร, และเดวิด เฮย์เมน แต่นอกเหนือจากนั้นก็ยังไม่มีอะไร แต่ใช่ว่าเธอจะไม่มีแผนอะไรให้กับชีวิตเลย คุณอาจจะหาว่าฉันบ้าเธอพูด แต่ฉันเป็นคนที่จะต้องหาวิธีทำให้ตัวเองรู้สึกปลอดภัยและสบายใจจากภายในตลอดเวลา เพราะฉันไม่สามารถพึ่งพาอะไรที่อยู่ภายนอกได้ดังนั้น เมื่อปีที่แล้วเธอจึงได้รับประกาศนียบัตรรับรองการสอนโยคะและทำสมาธิ ถ้ามีอะไรที่ฉันได้จากมันก็คงเป็นเรื่องการเลิกพยายามค้นหาคำตอบและเรียกร้องความแน่นอนนั่นแหละ

          แต่ก่อนที่ก้าวขึ้นรถยนต์หรูที่พาเธอทะยานหายไปในค่ำคืนอันมืดมิดของมหานครลอนดอน เอ็มม่ายังคงยืนยันความแน่นอนอีกอย่างหนึ่งในอนาคตของเธอ นั่นก็คือความตั้งใจที่จะสวมทุกบทบาทเท่าที่จะทำได้ ตั้งแต่บทบาทที่เราเห็นเมื่อหลายปีก่อนไปจนถึงบทบาทธรรมดาๆ อย่างการเข้ารับปริญญาบัตร "หลายคนเคยบอกว่าฉันทำมันไม่ได้หรอก ฉันก็ยังคงยืนยันคำเดิมว่า 'ฉันไม่แคร์' นี่คือสิ่งที่ฉันต้องการ และสำหรับฉัน งานรับปริญญาจะเป็นลักษณะที่แสดงให้เห็นถึงทุกสิ่งทุกอย่าง ฉันจะไป และฉันก็จะจัดงานเลี้ยงฉลองยิ่งใหญ่ และจะเมาให้เละไปเลย"
   

------------------------------------------------------------------------------------------

โดย: Mickey Rapkin / แปลและเรียบเรียง: ศุภิกา กมลนาวิน
คัดลอกบทความจากนิตยสาร ELLE Thailand ฉบับเดือนพฤษภาคม 2557 โดย EW Thailand



** ขอความกรุณาใส่เครดิต หากคัดลอกบทความจจากบล็อกนี้ **

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น